คำถามที่พบบ่อย
คำแนะนำต่าง ๆ [คลิก]
การใช้งานม่านปรับแสง – ตัวใบม่านวางตัวในแนวตั้งสามารถหมุนปรับตัวใบม่านเพื่อปรับความเข้มของแสงให้เข้าภายในห้องได้ตามต้องการ โดยใช้โซ่ที่อยู่ทางด้านข้าง ส่วนในการดึงรวบเก็บตัวม่านจะมีชุดเชือกด้านข้างอีก 1 ชุดด้านข้าง ลูกค้าเลือกเก็บได้ 2 แบบ คือ ดึงแล้วตัวม่านปรับแสงจะแยกออกตรงกลางหรือจะดึงรวบไว้ด้านเดียวก็ได้ สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม เหมาะสำหรับใช้ในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย สำนักงานหรือ Home Office ม่านปรับแสงช่วยให้บรรยากาศในห้องดูเป็นโมเดิร์น วัสดุที่ใช้ทำใบม่านปรับแสงส่วนใหญ่ทำมาจากใยสังเคราะห์ มีให้เลือก 3 ชนิดเช่นเดียวกับม่านม้วน คือ
1. ใบม่านกันแดด (Sunscreen) ใบม่านปรับแสงทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์จำพวกโพลีเอสเทอร์หรือไฟเบอร์กราสมีลักษณะเป็นรูเล็ก ๆ ช่วยให้มองเห็นวิวภายนอกตัวม่านชนิดนี้สามารถกรองแสงจากแสงแดดได้ดีพอสมควร และยังสามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ด้วย
2. ใบม่านทึบแสง (Blackout) ใบม่านปรับแสงชนิดนี้สามารถป้องกันแสงแดด และความร้อนได้มากที่สุด แสงจากภายนอกจะลอดผ่านเข้ามาในภายในอาคารได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
3. ใบม่านชนิดที่ยอมให้แสงผ่านได้บ้าง (Dimout) ใบม่านปรับแสงชนิดนี้ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ส่วนใหญ่จะเป็นใบที่มีลวดลายและสีสันต์ในตัว เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีแบบให้เลือกมากที่สุด
ม่านม้วน – ทุกชนิดประกอบด้วยคุณสมบัติที่สามารถ กันแสงแดด กันความร้อน และรังสียูวี มีให้เลือกรวมกว่าร้อยเฉดสี ผลิตจากวัสดุคุณภาพ ท่านจึงวางใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้
1. ม่านม้วนดิมเอ้าท์ (Dimout) ลักษณะที่เห็นได้ชัดของม่านม้วนชนิดนี้คือให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติเมื่อแสงส่องผ่าน สามารถป้องกันแดดได้ โดยที่ภายในห้องยังมีแสงสลัวผ่านเข้ามา (ห้องไม่มืด) เหมาะกับทุกห้องที่ต้องการแสงสว่างแต่ไม่ต้องการแสงแดด
2. ม่านม้วนทึบแสง (Blackout) ม่านม้วนแบบทึบแสง คุณสมบัติเด่นของม่านชนิดนี้ คือกันแสงแดดและความร้อนได้เป็นอย่างดี ตัวใบมีลักษณะทึบสามารถกันแสงได้มากกว่า 95% เหมาะสำหรับบริเวณที่ถูกแสงแดดแรง ๆ หรือห้องที่ไม่ต้องการให้แสงผ่านเข้ามา เช่น ห้องนอน
3. ม่านม้วนซันสกรีน (Sunscreen) เป็นใบม่านชนิดเดียวที่เมื่อปิดม่านแล้วยังมองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกตัวม่านได้ แต่ยังสามารถพลางสายตาจากคนภายนอกได้ สามารถกันแสงแดดและความร้อนได้ระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความโปร่งโล่งหรือห้องที่ต้องการเห็นวิวภายนอก เช่น ห้องรับแขก ห้องทำงาน
วิธีวัดม่านจีบและม่านปรับแสง คิดผ้าเป็นตารางหลา กว้าง x สูง x 1.2 x ราคาเนื้อผ้าม่าน = ราคาต่อชุด
ความสูง (บนลงล่าง)
– การวัดขนาดสำหรับม่านจีบ โดยปกติจะบวกเพิ่มจากขอบวงกบด้านบนอีก 10 ซม. และบวกเพิ่มจากขอบวงกบด้านล่างอีก 15 – 20 ซม. หรือตามต้องการ
ความกว้าง (ซ้ายไปขวา)
– โดยปกติจะใช้ขอบวงกบด้านนอกเป็นหลักและเผื่อออกไปด้านละ 10 ซม. หรือตามความต้องการของลูกค้า
วิธีวัดม่านม้วน
ความกว้าง
– เผื่อออกจากขอบวงกบด้านนอก ด้านละ 5-10 เซนติเมตรหรือตามต้องการ
ความสูง
– เผื่อออกจากวงกบด้านบน และ ล่าง ด้านละ 10 เซนติเมตร หรือตามต้องการ
วิธีวัดมู่ลี่
ความกว้าง
– เผื่อออกจากขอบวงกบด้านนอก ด้านละประมาณ 5 เซนติเมตรหรือตามต้องการ
ความสูง
– เผื่อออกจากวงกบด้านบน และ ล่าง ด้านละ 5-10 เซนติเมตรหรือตามต้องการ
วิธีวัดม่านพับ
ความสูง
– สำหรับม่านพับจะบวกความสูงเพิ่มอีกประมาณ 10 – 30 ซม. และด้านล่างวงกบลงมาประมาณ 5 – 10 ซม. หรือตามต้องการ
ความกว้าง
– โดยปกติจะใช้ขอบวงกบด้านนอกเป็นหลักหรือเผื่อออกไปด้านละ 5 ซม. หรือตามความต้องการของลูกค้า
หมายเหตุ : สำหรับม่านพับโดยปกติหลังพับเก็บจะมีความสูงลงมาจากรางประมาณ 30 – 40 ซม. (ขึ้นอยู่กับความสูงของหน้าต่างหรือประตู) หรือต้องการให้มีขนาดหลังพับเก็บเล็กกว่านี้สามารถสั่งพิเศษได้ตารางแสดงจำนวนผ้า (ม่านจีบ)ที่ต้องใช้โดยประมาณ
วิธีวัดฉากกั้นห้อง { กว้าง * สูง * 1.20 * 850 = ราคาฉากกั้นห้อง }
หากไม่ถึง 2.00 ให้ปัดเป็น 2.00 ขั้นต่ำ
ความกว้าง
– วัดพอดีกับความกว้างที่ต้องการ
ความสูง
– วัดพอดีกับความสูงที่ต้องการและหักออกประมาณ 1.5-2 ซม. กรณีซื้ออุปกรณ์นำไปติดตั้งเองควรวัดให้ละเอียด 2 ตำแหน่ง(ด้านซ้ายและขวา)เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันตัวฉากครูดพื้น
วิธีวัดวอลล์เปเปอร์
– วัดพื้นที่ของผนังห้องจากพื้นถึงเพดาน วอลเปเปอร์ 1 ม้วนปะได้ประมาณ 5 ตารางเมตร (หากให้ทางร้านปะให้ ม้วนที่ไม่ได้แกะใช้งาน สามารถคืนได้)